แก้
ปัญหาเกี่ยวกับ การได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานวิจัยเชิงคุณภาพ
กรณีการจัดเก็บข้อมูลงานวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เพื่อความถูกต้องและ
เป็นเรื่องง่าย
ผู้เขียนมีประสบการณ์เกี่ยวกับงานวิจัยตั้งแต่สมัยกำลังศึกษาในระดับอุดมศึกษา
เนื่องจากมีการเขียนผลงานทางวิชาการมาหลายฉบับ
แต่ก็ยังประสบปัญหาเกี่ยวกับงานวิจัยอยู่พอสมควร กล่าวคือ คำว่า “วิจัย” เป็นคำที่ใหญ่ และ “แสลงใจ”
เป็นเรื่องยาก ซับซ้อน และวุ่นวาย
ซึ่งเชื่อว่าหลายคนที่กำลังจะเข้าสู่กระบวนการวิจัย
ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยในห้องเรียน งานวิจัยชุมชน
หรือแม้กระทั้งการศึกษาวิจัยเพื่อทำผลงานทางวิชาการ
ทุกคนต่างก็กลัวงานวิจัยมากเช่นกัน ไม่กล้าทำ ไม่กล้าคิด
และไม่กล้าลงมือปฏิบัติ อาจเป็นผลมาจาก
บุคคลเหล่านั้นไม่คุ้นชินกับวิธีทางการวิจัย
โดยเฉพาะคำศัพท์ทางการวิจัย เช่น ระเบียบวิธีวิจัย การวิจัยเชิงปริมาณ
การวิจัยเชิงคุณภาพ และการไม่เข้าใจความหมายของคำที่ลึกซึ้ง อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของความกลัวการวิจัยก็อาจเป็นไปได้
แม้กระทั่งคำสองคำที่เราคุ้ยเคย คือคำว่า “วิจัยเชิงปริมาณ
และ “วิจัยเชิงคุณภาพ” เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ผู้เขียนรับผิดชอบงานวิจัยของศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนอุดรธานี
ถือว่าเป็นภารกิจสำคัญของหน่วยงานที่ต้องมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
พร้อมขับเคลื่อนงานวิจัยให้ก้าวสู่การเป็น Smart College จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเขียนงานวิจัยได้เลย
ซึ่งผู้เขียนได้เข้ารับการฝึกอบรมการเขียนรายงานวิจัย เพื่อพัฒนาทักษะในการเขียนงานวิจัย
และเข้าร่วมเป็นคณะศึกษาวิจัยรูปแบบการทำงานพัฒนาชุมชนในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
โดยเป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพที่ใช้วิธีการเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง
แต่สถานการณ์ที่ผ่านมา พบว่า นักวิจัยส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเขียนรายงานวิจัยได้อย่างถูกต้องตามระเบียบวิธีวิจัย
ความเข้าใจที่ถูกต้องในการจัดเก็บข้อมูลวิจัยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้งานวิจัยยังมีความไม่สมบูรณ์
ส่งผลให้เอกสารงานวิจัยที่ผ่านมายังขาดความสมบูรณ์อีกมาก
รวมทั้งยังไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างได้แท้จริง
ดังนั้นผู้เขียนมีประสบการณ์ในการสัมภาษณ์เพื่อศึกษาวิจัย
ทำให้พบปัญหาที่เกิดขึ้นมากมาย จึงขอนำเสนอความรู้เรื่อง เทคนิคการเก็บข้อมูลงานวิจัยเชิงคุณภาพด้วยวิธีการสัมภาษณ์
เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญให้บุคลากรของกรมการพัฒนาชุมชนทุกระดับได้นำไปปรับใช้ภายใต้บริบทที่แตกต่างกัน
โดยมีเทคนิค วิธีการ และปัจจัยแห่งความสำเร็จ ดังนี้
การสัมภาษณ์เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีการนำมาใช้บ่อยในการวิจัย
โดยทั่วไปการสัมภาษณ์แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง และการสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง ในที่นี้เน้นในส่วนของการสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง
ซึ่งถือว่าเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีการใช้บ่อยในการวิจัยเชิงคุณภาพ เพราะเป็นการสัมภาษณ์ที่ต้องการข้อมูลที่ละเอียดลึกซึ้ง
เป็นการสัมภาษณ์แบบเปิดกว้าง ไม่มีการกำหนดประเด็นคำถามตายตัว และไม่จำกัดคำตอบ
บางครั้งจึงเรียกว่า การสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ เนื่องจากเป็นการสัมภาษณ์ที่มีความยืดหยุ่นสูง มีอิสระในการตั้งประเด็นคำถาม
สามารถเจาะลึกเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีรายละเอียดดีที่สุด
ทั้งนั้นความพึงพอใจต่อข้อมูลที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับนักวิจัยว่าต้องการข้อมูลมากน้อยเพียงใด
การ
เก็บข้อมูลงานวิจัยด้วยวิธีการสัมภาษณ์นั้น นักวิจัยต้องเป็นผู้ฟังที่ดี
ฟังอย่างตั้งใจ
มีพฤติกรรมตอบสนองต่อคำพูดของผู้ถูกสัมภาษณ์ในเชิงกระตุ้นให้พูดต่อ
หากยังไม่ได้ข้อมูลตรงประเด็นที่ต้องการให้ใช้ความเงียบเป็นสิ่งกระตุ้น
เพื่อให้ได้คำตอบ
ในกรณีเรื่องที่กำลังสนทนาเป็นเรื่องที่สะเทือนอารมณ์ และผู้ให้แสดงอารมณ์
เช่น
ร้องไห้ เสียใจ
นักวิจัยควรประคับประคองอารมณ์ด้วยการแสดงความเข้าใจและปลอบโยน
แต่ต้องระมัดระวังที่จะไม่ให้แสดงบทบาทข้ามไปสู่การเป็นผู้แก้ปัญหาทาง
อารมณ์
เพราะอาจจะทำให้สัมพันธภาพเปลี่ยนไปได้
นักวิจัยต้องแสดงความเป็นกลางอย่างเคร่งครัดในการสัมภาษณ์
โดยหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของนักวิจัยต่อประเด็นที่กำลังสนทนา
เพศ วัย
และภูมิหลังของนักวิจัยมีผลต่อการสัมภาษณ์
ในกรณีประเด็นที่สัมภาษณ์เป็นเรื่องค่านิยมทั่วไป
หรือเหตุการณ์ในอดีตที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์เฉพาะตัว เพศ วัย
และภูมิหลังของนักวิจัยไม่มีผลต่อการสัมภาษณ์เท่าใดนัก
แต่ในกรณีที่เป็นเรื่องเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับค่านิยม
โดยเฉพาะเรื่องที่สังคมยังไม่ให้การยอมรับ กรณีนี้ เพศ วัย
และภูมิหลังของนักวิจัยจะมีผลต่อการสัมภาษณ์มาก
ดังนั้นนักวิจัยต้องพิจารณาว่าประเด็นสัมภาษณ์คืออะไร
ควรใช้นักวิจัยแบบใด เพศใดไปสัมภาษณ์
นอกจากนี้การสัมภาษณ์ที่ได้รับการร่วมมืออย่างดีนั้น
ผู้ถูกสัมภาษณ์ต้องยินดีสนทนาด้วยและทราบว่าข้อมูลนั้นเป็นประโยชน์
ขณะเดียวกันก็ไม่ส่งผลร้ายต่อผู้ถูกสัมภาษณ์เอง
ดังนั้นนักวิจัยต้องยืนยันถึงสิ่งเหล้านี้ด้วยการแจ้งวัตถุประสงค์และเป้า
หมายของการวิจัยให้ชัดเจน
โดยแสดงความน่าเชื่อถือว่าข้อมูลจะถูกเก็บเป็นความลับ
และมีการยืนยันถึงความยินดีในการให้ข้อมูล
และการบันทึกเสียงด้วยการแสดงความยินยอม
อาจจะใช้การขออนุญาตด้วยวาจา หรือลายลักษณ์อักษร
แล้วแต่ความเหมาะสมของสถานการณ์นั้นๆ
ใน
การสัมภาษณ์เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัยเชิงคุณภาพไม่ได้มีขั้นตอนที่
เป็นสูตรสำเร็จที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดแต่ประการใด
นอกจากนั้นนักวิจัยแต่ละท่านอาจจะมีวิธีการเริ่มต้นเป็นขั้นตอนที่แตกต่าง
กันก็ได้
ขั้นตอนในการสัมภาษณ์ในที่นี้จึงเป็นการนำมาเพื่อเป็นประโยชน์ในการพิจารณา
ดำเนินการให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี
การสัมภาษณ์ทุกครั้งจึงต้องมีจุดมุ่งหมายชัดเจน
นักวิจัยและผู้ถูกสัมภาษณ์จะต้องมีสัมพันธภาพที่ดี
จึงคาดหวังได้ว่าจะได้คำตอบที่เป็นข้อเท็จจริงมากที่สุด
ดังนั้นผู้เขียนขอนำเสนอ ขั้นตอนในการสัมภาษณ์เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัยเชิงคุณภาพ
ประกอบด้วย
๑.
ขั้นการเตรียมความพร้อม
หลังจากที่นักวิจัยทราบแล้วว่า
งานวิจัยครั้งนี้ต้องการศึกษาอะไร จากผู้ใด
นักวิจัยจะเริ่มเข้าใจชัดเจนแล้วว่า
ผู้ที่นักวิจัยจะต้องไปสัมภาษณ์นั้นคือใครบ้าง
และต้องการจะรู้เรื่องราวประเภทใดบ้าง
จะต้องมีการจัดเตรียมความพร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ เช่น สมุดบันทึก ปากกา
เครื่องบันทึกเสียง กล้องบันทึกภาพ และอื่นๆที่จำเป็น
หากมีผู้ช่วยนักวิจัยจะต้องมีการซักซ้อมคำถามผ่านการฝึกทำบทบาทสมมติ
เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนการสัมภาษณ์ด้วย
สิ่งที่สำคัญของนักวิจัย คือ ต้องเตรียมแนวทางการสัมภาษณ์
ซึ่งเน้นประเด็นสำคัญ
และเป็นคำถามปลายเปิดที่มุ่งเน้นผู้ถูกสัมภาษณ์อธิบายให้ความเห็น
และเล่าถึงประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนั้นๆได้อย่างชัดเจน
ซึ่งไม่ควรยาวเกิน ๑ หน้ากระดาษ
และขณะดำเนินการสัมภาษณ์จะมีเนื้อหาสาระอื่นๆ
ที่ไม่มีอยู่ในแนวทางการสัมภาษณ์
แต่นักวิจัยเห็นว่ามีความสำคัญเกี่ยวเนื่องสามารถนำมาอธิบายความหมาย
และทำความข้าใจในประเด็นที่ศึกษาได้
นักวิจัยควรดึงประเด็นเหล่านั้นขึ้นมาสนทนา
และขอให้ผู้ถูกสัมภาษณ์อธิบายเพิ่มเติมได้ด้วย
โดยพื้นฐานที่สุดนักวิจัยจะต้องอ่อนไหวฉับไวในการรับรู้
และให้ความเคารพต่อผู้ถูกสัมภาษณ์
ต้องหาแนวทางให้การสัมภาษณ์เป็นไปโดยบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย
การลงมือสัมภาษณ์จริงอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมกับสถานการณ์
บ่อยครั้งที่นักวิจัยจะพบสถานการณ์ที่ไม่ได้คาดการณ์เตรียมเอาไว้
บางครั้งประสบการณ์ที่สั่งสมไว้ของนักวิจัยจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้มีวิจารณญาณ
การตัดสินใจที่ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น
๒.
ขั้นการเลือกวิธีบันทึกข้อมูล การบันทึกข้อมูลเป็นสิ่งที่ดำเนินการโดยอุปกรณ์ประเภทต่างๆ
การใช้เครื่องมือบันทึกข้อมูลก็เพื่อจะเก็บรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้
การใช้เทปบันทึกเสียงเรา อาจจะได้คำพูดแทบทุกคำ การใช้กล้องบันทึกภาพ
เราจะได้ทั้งภาพและคำพูด แต่นักวิจัยควรมีการจดบันทึกขณะสัมภาษณ์ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาไว้อีกชั้นหนึ่ง
ในกรณีที่เครื่องบันทึกเสียงเกิดความขัดข้องทางเทคนิค ในการจดบันทึกการสัมภาษณ์มีข้อเสนอแนะบางประการ
เพื่อที่จะช่วยให้นักวิจัยสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ได้อย่างมีคุณภาพที่สุด
ดังนี้
- การเริ่มจดบันทึกการสัมภาษณ์แต่ละราย ควรเริ่มต้นแต่ละกรณีที่หน้ากระดาษใหม่ทุกครั้ง
โดยมีการระบุวันที่ เวลา และสถานที่ที่สัมภาษณ์
-
ในการจดให้นักวิจัยใช้ช่องไฟระหว่างบรรทัดห่างๆ เพื่อกันที่ไว้สำหรับแก้ไข
เพิ่มเติมสิ่งที่ ตกหล่นไป รวมทั้งใช้การจดคำสั้นๆ
ที่นักวิจัยสามารถเกิดความเข้าใจ
-
พยายามจดบันทึกให้เป็นรูปธรรม ครบถ้วนสมบูรณ์
และสามารถเข้าใจได้ง่ายที่สุด เท่าที่จะกระทำได้ และจดบันทึกคำพูดของผู้ถูกสัมภาษณ์และพฤติกรรมของผู้ถูกสัมภาษณ์ลงไปด้วย
- นักวิจัยไม่ควรจะสนทนาพูดคุยกับผู้อื่นหลังการสัมภาษณ์
จนกว่าจะบันทึกการสัมภาษณ์ เสร็จลง และอ่านทบทวนบันทึกที่จดเอาไว้ซ้ำๆบ่อยๆ เพื่อให้สามารถแตกความคิดออกมาเพิ่มเติมในภายหลังได้
๓. ขั้นดำเนินการสัมภาษณ์
นักวิจัยจะต้องพยายามสร้างสัมพันธภาพในการวิจัยกับผู้ถูกสัมภาษณ์
สร้างความไว้วางใจ และความสัมพันธ์อันดีต่อกันกับผู้ถูกสัมภาษณ์ เริ่ม
จากการแนะนำตนเอง
ชี้แจงวัตถุประสงค์ของการสัมภาษณ์ และชักชวนผู้ถูกสัมภาษณ์พูดคุย
เพื่อทำให้ผู้ถูกสัมภาษณ์รู้สึกผ่อนคลายและทำให้เกิดบรรยากาศของความเป็นกัน
เอง
ในขณะดำเนินการนักวิจัยจะต้องทำตัวตามสบายและเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด
เพื่อไม่ให้ผู้ถูกสัมภาษณ์รู้สึกเกร็งหรือหวาดระแวง
ใช้ภาษาที่มีความเข้าใจตรงกันทั้ง ๒ ฝ่าย
หรือใช้ภาษาถิ่นของผู้ถูกสัมภาษณ์ยิ่งจะช่วยให้เกิดความเป็นกันเองและทำให้
การสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น ในระหว่างการสัมภาษณ์
นักวิจัยต้องพยายามอธิบายให้ผู้ถูกสัมภาษณ์เข้าใจประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้อง
กับหัวข้อการวิจัย
ควรถามทีละคำถาม โดยมีสาระการถามเพียงหนึ่งสาระในแต่ละคำถาม
ต้องสื่อสารให้ผู้ถูกสัมภาษณ์เข้าใจว่า
เรากำลังฟังอยู่อย่างตั้งใจ เช่น ประสานสายตา แสดงสีหน้าที่เหมาะสม
พยักหน้า ถามย้ำเป็นระยะหรือเมื่อฟังไม่ถนัดหรือไม่ชัดเจน
ให้ความเห็นสะท้อนในจังหวะที่เหมาะสม
นอกจากนี้จะต้องใช้เวลาที่ผู้ถูกสัมภาษณ์ให้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
และจะต้องให้ความสำคัญกับข้อมูลด้านความคิด ความเชื่อ ค่านิยม
และแบบแผนการดำเนินชีวิตเป็นพิเศษ
เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการสัมภาษณ์ในครั้งต่อไป
๔.
ขั้นกระบวนการเก็บข้อมูลเสร็จสมบูรณ์
การสัมภาษณ์ส่วนใหญ่มักจะไม่สัมภาษณ์เพียงครั้งเดียวนักวิจัยจะต้องมีการสัมภาษณ์มากกว่า
๒ ครั้ง ดังนั้นในการสิ้นสุดการสัมภาษณ์ในแต่ละครั้ง
จะต้องมีการแสดงความขอบคุณแก่ผู้ถูกสัมภาษณ์
และเตรียมกรุยทางไว้สำหรับการพบปะในโอกาสต่อไปด้วย
รวมทั้งอาจจะมีของที่ระลึกเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ถูกสัมภาษณ์ หลังจากนี้นักวิจัยจะต้องมาสะท้อนข้อมูลหลังการสัมภาษณ์ว่า
ข้อมูลเท่าที่สัมภาษณ์มานี้เป็นข้อมูลที่สอดคล้องกับการศึกษาวิจัยครั้งนี้หรือไม่ จะต้องทำอะไรต่อไปเพื่อจะได้ข้อมูลที่ลึกซึ้งขึ้น
และสิ่งที่ผู้ถูกสัมภาษณ์บอกกับเรานั้นเป็นจริงเพียงใด เพื่อเป็นการทบทวน ข้อสันนิษฐานในการวิจัย
ใช้เป็นแนวทางในการวิเคราะห์ข้อมูล และเป็นแนวทางแก้ไขการเก็บข้อมูลในครั้งต่อไป
เทคนิค
ดังกล่าวข้างต้น
เกิดจากผู้เขียนได้สั่งสมประสบการณ์ในการแสวงหาความรู้จากตำราต่างๆ
เพื่อนำมาใช้ในการเขียนงานวิจัย
ปัญหาอุปสรรคที่ได้รับจากการเก็บข้อมูลวิจัยในพื้นที่เป้าหมาย
และจากการรับผิดชอบงานวิจัยของศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนอุดรธานี
รวมทั้งผู้เขียนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคณะวิจัยในการศึกษาวิจัยของสถาบันการ
พัฒนาชุมชน
มีโอกาสในการเก็บข้อมูลวิจัยด้วยการสัมภาษณ์ จนทำให้เขียนรายงานวิจัย
เป็นเอกสารวิจัยที่สมบูรณ์และสามารถเผยแพร่สู่สาธารณชนได้
ดังนั้นเทคนิคทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่นักวิจัย
เชิงคุณภาพ
จะต้องฝึกฝน ทบทวน และนำไปใช้ปฏิบัติ
เพื่อให้สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลงานวิจัยเชิงคุณภาพด้วยวิธี
การสัมภาษณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากนักวิจัยรู้เทคนิคและหลักการก็จะช่วยให้การดำเนินการจัดเก็บข้อมูลวิจัย
นั้นง่ายขึ้น
ทำให้เปลี่ยนมุมมองของคำว่า “วิจัย” เป็นคำที่เล็ก และ “ถูกใจ”
เป็นเรื่องง่าย น่าสนใจ และสนุกสนานอีกด้วย
ข้อมูลเกี่ยวกับผู้บันทึกองค์ความรู้
ชื่อเจ้าของความรู้ นายณัฐวุฒิ
เหมากระโทก นักทรัพยากรบุคคล
(พนักงานราชการ)
สถานที่ทำงาน ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนอุดรธานี (ฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคล)
ติดต่อได้ที่ โทรศัพท์: ๐๘๐-๗๒๕๗๐๓๔
E-mail: nattawutcdd@gmail.com
***ท่านสามารถดาวน์โหลดไฟล์เอกสารได้ที่ http://www.cddudonthani.com/site/2016-06-20-03-25-32/km-corner/download/2-km/29-km
***ท่านสามารถดาวน์โหลดไฟล์เอกสารได้ที่ http://www.cddudonthani.com/site/2016-06-20-03-25-32/km-corner/download/2-km/29-km